วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552
ข้อควรทราบก่อนใช้วัคซีน
1.ทำวัคซีนให้แก่สัตว์ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และไม่เป็นโรคเท่านั้น
2.ศึกษารายละเอียด การเก็บรักษาและการทำวัคซีน ตามคำแนะนำของวัคซีนแต่ละชนิด
3.ให้วัคซีนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้นในกรณีเกิดโรคระบาดในท้องที่นั้นหรือใกล้เคียง
4.ต้องให้วัคซีนซ้ำเมื่อหมดระยะความคุ้มโรคของวัคซีนแต่ละชนิด
5.ห้ามนำวัคซีนที่เสื่อมสภาพ หมดอายุ มีการปนเปื้อน หรือสีของวัคซีนเปลี่ยน มาใช้
6.การใช้วัคซีนในแม่พันธุ์ สามารถถ่ายทอดภูมิคุ้มกันให้ลูกได้ในระยะแรกเกิด
7.ต้องทราบว่าวัคซีนใช้ป้องกันก่อนเกิดโรค มิใช่ยาที่รักษาเมื่อเป็นโรคแล้ว การป้องกันโรคจึงต้องมีการจัดการฟาร์มที่ดีด้วย
8.อย่าให้วัคซีนถูกความร้อนหรือแสงแดด และต้องให้วัคซีนครบตามขนาดที่กำหนดไว้
9.หลังให้วัคซีนแก่สัตว์ที่กำลังจะส่งไปโรงฆ่า ควรเว้นช่วงเวลาตามคำแนะนำของวัคซีนแต่ละชนิด
10.วัคซีนที่เหลือจากการใช้ควรทิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนด้วยเชื้อโรคอื่น ซึ่งจะทำให้คุณภาพวัคซีนลดลงและเป็นอันตรายในการนำไปใช้ครั้งต่อไป
11.วัคซีนแบบที่ต้องผสมกับน้ำยาละลาย เมื่อผสมแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นต้องเก็บในกระติกน้ำแข็ง
12.ไม่ควรหวังผลจากการฉีดวัคซีนแต่เพียงอย่างเดียว การป้องกันการติดโรคจากแหล่งอื่น การจัดการและการสุขาภิบาลที่ดีจะช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ดีที่สุด
2.ศึกษารายละเอียด การเก็บรักษาและการทำวัคซีน ตามคำแนะนำของวัคซีนแต่ละชนิด
3.ให้วัคซีนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้นในกรณีเกิดโรคระบาดในท้องที่นั้นหรือใกล้เคียง
4.ต้องให้วัคซีนซ้ำเมื่อหมดระยะความคุ้มโรคของวัคซีนแต่ละชนิด
5.ห้ามนำวัคซีนที่เสื่อมสภาพ หมดอายุ มีการปนเปื้อน หรือสีของวัคซีนเปลี่ยน มาใช้
6.การใช้วัคซีนในแม่พันธุ์ สามารถถ่ายทอดภูมิคุ้มกันให้ลูกได้ในระยะแรกเกิด
7.ต้องทราบว่าวัคซีนใช้ป้องกันก่อนเกิดโรค มิใช่ยาที่รักษาเมื่อเป็นโรคแล้ว การป้องกันโรคจึงต้องมีการจัดการฟาร์มที่ดีด้วย
8.อย่าให้วัคซีนถูกความร้อนหรือแสงแดด และต้องให้วัคซีนครบตามขนาดที่กำหนดไว้
9.หลังให้วัคซีนแก่สัตว์ที่กำลังจะส่งไปโรงฆ่า ควรเว้นช่วงเวลาตามคำแนะนำของวัคซีนแต่ละชนิด
10.วัคซีนที่เหลือจากการใช้ควรทิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนด้วยเชื้อโรคอื่น ซึ่งจะทำให้คุณภาพวัคซีนลดลงและเป็นอันตรายในการนำไปใช้ครั้งต่อไป
11.วัคซีนแบบที่ต้องผสมกับน้ำยาละลาย เมื่อผสมแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นต้องเก็บในกระติกน้ำแข็ง
12.ไม่ควรหวังผลจากการฉีดวัคซีนแต่เพียงอย่างเดียว การป้องกันการติดโรคจากแหล่งอื่น การจัดการและการสุขาภิบาลที่ดีจะช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ดีที่สุด
การสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงหรือผิดปกติต้องได้รับการรักษา
โค กระบือ แพะ แกะ
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.จะอยู่รวมกันเป็นฝูง
2.วางกีบอย่างสม่ำเสมอ
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ขนเรียบเป็นเงางาม
6.หนังสั่นไล่แมลง
7.ไม่พบบาดแผลใด ๆ
8.มีการเคี้ยวเอื้อง
9.เยื่อเมือกมีสีชมพูเรื่อ ๆ
10.จมูกชื้นมีเหงื่อเล็กน้อย
11.อุจจาระเหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
12.ร่างกายสะอาด
สัตว์มีความผิดปกติ
1.มักจะแยกฝูงอยู่ต่างหาก
2.วางกีบไม่สม่ำเสมอหรือเดินกะเผลก
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกายสดใส
5.ขนยุ่งหยาบกระด้าง
6.หนังไม่สั่นไล่แมลง
7.อาจมีบาดแผลตามร่างกาย
8.ม่มีการเคี้ยวเอื้อง
9.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
10.จมูกแห้งอาจพบน้ำหมูกข้นเหนียว
11.อุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือเป็นก้อนแข็งมีเลือดปน
12.ร่างกายสกปรก มีสิ่งขับถ่ายเปรอะเปื้อน
สุกร
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.มีการเจริญอาหาร รางอาหารสะอาด
2.มักอยู่แยกกระจายกันในคอก
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ส่งเสียงดังตามปกติ ย่างก้าวมั่นคง
6.ขนเรียบเป็นเงางาม
7.หนังสั่นไล่แมลง
8.ไม่พบบาดแผลใด ๆ
9.เยื่อเมือกมีสีชมพูเรื่อ ๆ
10.จมูกชื้นมีเหงื่อเล็กน้อย น้ำมูกใสเล็กน้อย
11.อุจจาระเหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
สัตว์มีความผิดปกติ
1.รางอาหารมักเหลืออาหารอยู่มาก
2.นอนสุมกัน
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกายสดใส
5.เงียบ หรือมีเสียง ไอ จาม
6.ขนหยาบกระด้าง
7.หนังไม่สั่นไล่แมลง
8.อาจมีบาดแผลตามร่างกาย
9.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
10.แห้งตัวร้อนแสดงว่ามีไข้สูง
11.อุจจาระเป็นน้ำหรือเป็นก้อนแข็งมีเลือดปนมีกลิ่นเหม็น
สัตว์ปีก
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.รางอาหารสะอาด ไม่พบอาหารเหลือ
2.มักอยู่แยกกระจายกัน
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ส่งเสียงตามปกติ
6.ขนเรียบเป็นเงางาม
7.เยื่อเมือกของตามีสีชมพูเรื่อๆ
8.จมูกแห้ง
9.อุจจาระสีปกติ เหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
สัตว์มีความผิดปกติ
1.รางอาหารมักเหลืออาหารอยู่มาก
2.นอนนิ่งสุมกันไม่ค่อยลุกเดิน
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกาย
5.มีเสียงไอ จาม หรือเงียบผิดปกติ
6.ขนหยาบกร้าน
7.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
8.จมูกชื้น อาจพบน้ำมูกไหลเยิ้ม
9.อุจจาระเป็นน้ำ มีสีคล้ำแห้งอาจพบมีมูกเลือดปน
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.จะอยู่รวมกันเป็นฝูง
2.วางกีบอย่างสม่ำเสมอ
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ขนเรียบเป็นเงางาม
6.หนังสั่นไล่แมลง
7.ไม่พบบาดแผลใด ๆ
8.มีการเคี้ยวเอื้อง
9.เยื่อเมือกมีสีชมพูเรื่อ ๆ
10.จมูกชื้นมีเหงื่อเล็กน้อย
11.อุจจาระเหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
12.ร่างกายสะอาด
สัตว์มีความผิดปกติ
1.มักจะแยกฝูงอยู่ต่างหาก
2.วางกีบไม่สม่ำเสมอหรือเดินกะเผลก
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกายสดใส
5.ขนยุ่งหยาบกระด้าง
6.หนังไม่สั่นไล่แมลง
7.อาจมีบาดแผลตามร่างกาย
8.ม่มีการเคี้ยวเอื้อง
9.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
10.จมูกแห้งอาจพบน้ำหมูกข้นเหนียว
11.อุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือเป็นก้อนแข็งมีเลือดปน
12.ร่างกายสกปรก มีสิ่งขับถ่ายเปรอะเปื้อน
สุกร
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.มีการเจริญอาหาร รางอาหารสะอาด
2.มักอยู่แยกกระจายกันในคอก
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ส่งเสียงดังตามปกติ ย่างก้าวมั่นคง
6.ขนเรียบเป็นเงางาม
7.หนังสั่นไล่แมลง
8.ไม่พบบาดแผลใด ๆ
9.เยื่อเมือกมีสีชมพูเรื่อ ๆ
10.จมูกชื้นมีเหงื่อเล็กน้อย น้ำมูกใสเล็กน้อย
11.อุจจาระเหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
สัตว์มีความผิดปกติ
1.รางอาหารมักเหลืออาหารอยู่มาก
2.นอนสุมกัน
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกายสดใส
5.เงียบ หรือมีเสียง ไอ จาม
6.ขนหยาบกระด้าง
7.หนังไม่สั่นไล่แมลง
8.อาจมีบาดแผลตามร่างกาย
9.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
10.แห้งตัวร้อนแสดงว่ามีไข้สูง
11.อุจจาระเป็นน้ำหรือเป็นก้อนแข็งมีเลือดปนมีกลิ่นเหม็น
สัตว์ปีก
สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์
1.รางอาหารสะอาด ไม่พบอาหารเหลือ
2.มักอยู่แยกกระจายกัน
3.สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาเป็นประกายสดใส
5.ส่งเสียงตามปกติ
6.ขนเรียบเป็นเงางาม
7.เยื่อเมือกของตามีสีชมพูเรื่อๆ
8.จมูกแห้ง
9.อุจจาระสีปกติ เหลวเล็กน้อยไม่มีมูกเลือดปน
สัตว์มีความผิดปกติ
1.รางอาหารมักเหลืออาหารอยู่มาก
2.นอนนิ่งสุมกันไม่ค่อยลุกเดิน
3.ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
4.ตาไม่เป็นประกาย
5.มีเสียงไอ จาม หรือเงียบผิดปกติ
6.ขนหยาบกร้าน
7.เยื่อเมือกมีสีแดงหรือซีด
8.จมูกชื้น อาจพบน้ำมูกไหลเยิ้ม
9.อุจจาระเป็นน้ำ มีสีคล้ำแห้งอาจพบมีมูกเลือดปน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)